เที่ยวเกาะกูด ฟิลกู้ด 3 วัน 2 คืน แบบฟินๆ กับเดอะแก๊งค์

ใครบอกว่าไปทะเลหน้าร้อนได้อย่างเดียว หน้าฝนแบบนี้ก็เที่ยวทะเลได้ ทริปนี้พวกเราจะพาไปเที่ยวที่เกาะกูด แบบทริป 3 วัน 2 คืนกัน อยากรู้ว่าเที่ยวเกาะกูดหน้าฝนจะเป็นยังไงก็ตามมาดูกันเลย

 

เกาะกูด Destination ท่องเที่ยวยอดฮิตทิศตะวันออกอีกแห่งของไทย เกาะกูด ตั้งอยู่ใน จ.ตราด จากกรุงเทพมาถึงเกาะกูดระยะทางประมาณ 400 กม. โดยตัวเกาะตั้งอยู่ห่างจากฝั่งเป็นประมาณ 40 กม. ด้วยความที่ตัวเกาะอยู่ค่อนข้างไกล สถานที่ท่องเที่ยวจึงยังคงความดั้งเดิม ไม่ค่อยมีสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมที่ทำลายความสวยงามทางธรรมชาติซักเท่าไหร่

เช้าของวันเดินทาง พวกเราล้อหมุนจากกรุงเทพฯ เวลา 5.00 น. เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมศอก จ.ตราด อยู่ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 30 กม. โดยเรือที่เราใช้บริการเป็นของบริษัท บุญศิริเรือเร็ว (Boonsiri High Speed Boat) เรือที่นั่งเป็นเรือ High Speed Catamaran เรือปรับอากาศขนาดใหญ่ 2 ชั้น จำนวน 200 ที่นั่ง มีบริการเคาน์เตอร์ขายอาหารว่างเครื่องดื่ม และทีวีบริการภายในเรือ 

 

 

สำหรับรอบเรือขาไปมีบริการ 2 รอบคือ 10.45 น. และ 12.00 น. พวกเราจองรอบ 10.45 น. หลังจากจอดรถ ตรวจสอบบัตรโดยสารเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีรถลากกระเป๋าพาพวกเราไปส่งที่ท่าเรือ

[รอบเที่ยวโดยสารเรือบุญศิริ]
ขาไปจากท่าเรือแหลมศอก จ.ตราด ไปเกาะกูด เวลา 10.45 น. และ 14.00 น.
ขากลับจากเกาะกูดไปท่าเรือแหลมศอก จ.ตราด เวลา 09.00 น. และ 12.00 น.

ระยะเวลาการเดินทางบนเรือ Catamaran ถึงท่าเทียบเรืออ่าวสลัด บนเกาะกูดใช้เวลาประมาณ 1 ชม. วันที่ไปถึงดูจากพยากรณ์อากาศแล้วฝนตก 40% และแน่นอนว่าฝนก็ตกมาต้อนรับพวกเราเมื่อเดินทางไปถึง

ความลำบากในช่วงเวลาฝนตกคือ ต้องลากกระเป๋าวิ่งฝ่าฝนไปขึ้นรถที่ทางรีสอร์ทมารอรับ สำหรับรถที่เราใช้เดินทางไปยังรีสอร์ทเป็นรถสองแถว ซึ่งก็อาจจะมีนักท่องเที่ยวที่อาจจะพักที่พักที่เป็นทางผ่านไปยังที่พักเราด้วย

 

 

จากท่าเรือเราใช้เวลาเดินทางบนรถสองแถวประมาณ 20 นาทีถึงที่พัก The Beach Natural Resort Koh Kood (จองห้องพักคลิก) มีน้องพนักงานออกมาต้อนรับพาไปยัง Counter Check-in และขับรถกอล์ฟพาไปส่งที่ห้องพัก

 

 

หลังจากพักผ่อนเสร็จก็ได้เวลาเติมพลังทานอาหารเที่ยงกัน พวกเราเลือกทานที่รีสอร์ทกัน เพราะวันนี้ยังไม่มีโปรแกรมออกไปเที่ยวที่อื่น และที่สำคัญฝนก็ตกลงมาอีกรอบ

 

 

หลังจากทานอาหารเสร็จ ฝนก็หยุดตกเหมือนรู้เวลา พวกเราก็ออกมาเดินเล่นที่ชายหาด ตรงที่พักโซนนี้เรียกว่า หาดบางเบ้า จะมีรีสอร์ทไม่กี่แห่ง เป็นลักษณะ Private Beach ที่เชื่อมกันหมด ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง เราสามารถเดินและถ่ายรูปเล่นได้ทั้งโซนนี้เลย

 

 

นอกจากนี้ที่นี้ยังมีบริการพายเรือ Kayak ชมป่าโกงกางกันอีกด้วย ซึ่งถ้าใครพายไหว ก็สามารถพายออกไปอ้อมหาดไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันได้ แต่ต้องรักษาเวลาเอาเรือกลับมาคืนไม่เกิน 18.00 น.

 

 

หลังจากออกกำลังกายกันอย่างหนักหน่วง ก็ได้เวลาอาหารเย็นพวกเราลองเปลี่ยนไปทานอาหารที่รีสอร์ทข้างๆ ชื่อว่า To The Sea The Resort Koh Kood 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นฝนตกแรงอีกแล้ว แรงจนคิดว่าวันนี้คงต้องนอนแกร่วอยู่ที่ห้องพักกันแน่ๆ ปรากฎว่าช่วงสายๆ ฝนหยุดตก เอาล่ะ ได้เวลาออกสำรวจพื้นที่เกาะกูดกันแล้ว สำหรับการเดินทางวันนี้พวกเราเลือกที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซด์ โดยราคาเช่าอยู่ที่คันละ 300 บาท/คัน แต่ถ้าหากอยากใช้บริการรถสองแถว ก็สามารถติดต่อกับคนขับ (ที่ขับรถมาส่งที่รีสอร์ท) ได้โดยตรง โดยค่าบริการรายหัวๆ ละ 300 บาท แต่ถ้าหากเหมาทั้งวันคิด 1800 บาท

 

น้ำตกคลองยายกี๋ (Khlong Yai Kee Waterfall)

เป้าหมายที่แรกคือ น้ำตกคลองยายกี๋ น้ำตกธรรมชาติบนเกาะกูด อยู่ไม่ไกลจากท่าเรืออ่าวสลัด ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร มีบันไดทางเดินลงไปด้านล่างของน้ำตกค่อนข้างชัน แต่มีเชือกให้จับตลอดทาง มีชั้นหินเป็นขั้นสวยงาม มีชานระเบียงเล็กๆ สำหรับนั่งชมน้ำตกอีกด้วย วันที่พวกเราไปมีน้องๆ มากระโดดเล่นน้ำจากบนชั้นหิน ว่ายน้ำลอดใต้ก้อนหินแบบช่ำชอง เหมือนน้องๆ กำลังทำการแสดงโชว์เล่นน้ำให้พวกเราดูกันเลยทีเดียว

พิกัดน้ำตกคลองยายกี๋ เกาะกูด : https://goo.gl/maps/6d1C3gpR8CPrD1R76
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิดทำการ : 8.00-17.00 น.

 

ต้นมะค่ายักษ์ (Makayuk, the old tree)

ไปกันต่อจุดที่สอง นั่นก็คือ ต้นมะค่ายักษ์ ไม้ยืนต้นอายุ 500 ปี มีความสูงมากกว่า 40 เมตร ต้นมะค่ายักษ์ต้นนี้เติบโตอยู่ตรงกลางของเกาะกูด เส้นทางการเดินทางเป็นถนนลาดยางทางราบประมาณ 9 กิโลเมตรจากท่าเรืออ่าวสลัด สามารถขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์เข้าไปได้ มีป้ายบอกจุดตรงทางเข้าเดินเข้าไประยะประมาณ 50 เมตร โดยจะผ่านสวนผลไม้และบ้านคนเข้าไปยัง ก็จะพบกับต้นมะค่ายักษ์ต้นใหญ่ต้นนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า

พิกัดต้นมะค่ายักษ์ เกาะกูด : https://goo.gl/maps/RU7o4Cq1TExSfjDW6
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.

 

น้ำตกคลองเจ้า (Klong Chao Waterfall)

จากนั้นพวกเราก็ขับตรงต่อไปยัง น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของเกาะกูด ทางเดินไปน้ำตกแห่งนี้เป็นเส้นทางราบ เดินสบายระยะทางประมาณ 500 เมตร ที่น้ำตกนี้มีปลาค่อนข้างเยอะ มีเชือกให้ไต่เล่นเหนือผิวน้ำ มีก้อนหินขนาดใหญ่นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำบริการบริเวณลานจอดรถอีกด้วย

พิกัดน้ำตกคลองเจ้า เกาะกูด : https://goo.gl/maps/sjpjuo2mme3mBUrD9
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด  : 8.00-17.00 น.

 

สะพานท่าเรือน้ำลึก (Nam Leuk Pier)

จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งคือ สะพานท่าเรือน้ำลึก เป็นสะพานสีขาวทอดยาวตัดกับทะเลสีฟ้ากับเกลียวคลื่น โชคดีที่วันนี้ฟ้าใสเมฆสวย พวกเราเลยได้รูปทะเลสวยๆ กับท้องฟ้ากลับมากัน

พิกัดสะพานท่าเรือน้ำลึก เกาะกูด : https://goo.gl/maps/WeuFLKNqni5X3Wpc9
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอด 24 ชม.

 

Mangrove Bungalow & Restaurant

หลังจากเดินเล่นเที่ยวธรรมชาติกันมาแล้ว แวะเติมคาเฟอีนกับขนมหวานให้ร่างกันกันหน่อยที่ Mangrove Bungalow & Restaurant ร้านอาหารคาเฟ่และบาร์บนเกาะกูด ที่นี่ยังมีกิจกรรมทางน้ำ บริการพาย Kayak และ Sub board รอบป่าโกงกางอีกด้วย

 

ต้นมะพร้าวคู่ที่หาดคลองเจ้า

ช่วงเส้นทางก่อนจะกลับเข้าที่พัก จะผ่านหาดคลองเจ้าที่นี่เป็น Famous destinations อีกแห่งสำหรับที่คนมาเที่ยวเกาะกูดต้องมาถ่ายรูป นั่นก็คือ ต้นมะพร้าวคู่ที่หาดคลองเจ้า โดยที่นี่จะมี 2 จุด คือ ตรงทางเข้า Tinkerbell Resort (จองห้องพักคลิก) และบริเวณหน้าโรงแรม High Season Pool Villa & Spa (จองห้องพักคลิก) ทางโรงแรมมีชิงช้าแขวนไว้ให้นั่งเล่นถ่ายรูปได้ ช่วงที่เหมาะสมในการถ่ายรูปคือช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะได้รูปสวยๆ แบบนี้

พิกัด ต้นมะพร้าวคู่ที่หาดคลองเจ้า : https://goo.gl/maps/MUiE5g3KsiY8CBwo8
ค่าเข้าชม: ฟรี

 

ช่วงเย็นเราตั้งใจกลับมาทานอาหารกันที่รีสอร์ท น้องพนักงานบอกพวกเราไว้ว่า ถ้าฝนไม่ตกจะมี Bar-B-Q ริมหาด วันนี้มีกุ้งลายเสือรวมไปถึงอาหารทะเลสดใหม่เพิ่งเข้ามาส่ง และในที่สุดฟ้าฝนก็เป็นใจไม่ตก ทำให้พวกเราได้ปาร์ตี้ทริปนี้กันอย่างอิ่มหนำสำราญปิดท้ายทริปเกาะกูดเลยทีเดียว 

 

 

บ้านทิวธารา (Tiw Tara Restaurant)

คิดว่าทริปนี้จะจบกันแล้วใช่ไหม…ยังไม่จบจ้า หลังจากขึ้นเรือกลับมาจากเกาะกูด พวกเราก็ไปทานอาหารเที่ยงกันที่ บ้านทิวธารา อาหารที่นี่สดอร่อยมาก ที่สำคัญราคายังสมเหตุสมผลอีกด้วย สำหรับใครที่จะมาที่ร้านทางร้านจะมีที่จอดรถ และบริการรถรับส่งฟรี แต่ถ้าหากว่าต้องการจอดรถใกล้กับร้าน ก็สามารถขับรถเข้ามาได้ โดยจะมีที่จอดรถเอกชน คิดค่าบริการคันละ 20 บาท หากมาทานที่นี่ช่วงเย็นประมาณ 17.00 น. จะมีการให้อาหารเหยี่ยวแดง และชมวิวพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย

พิกัดบ้านทิวธารา : https://goo.gl/maps/4isCn5o1UJd3qgYYA
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00 – 20.00 น.
ที่จอดรถ : มี

 

T77 Cafe

ไปต่อกันที่ร้านกาแฟสุดฮิป T77 Cafe ตอนแรกวันที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ พวกเราตั้งใจมาแวะที่นี่กันก่อน แต่ปรากฎว่าร้านปิดวันพฤหัส ไหนๆ มาเที่ยวไกลถึงนี่แล้วจะกลับกันโดยที่ไม่มาร้านนี้ได้ยังไง

พิกัด T77 Cafe : https://goo.gl/maps/Zawb3LvhfS13M1gx7
เวลาเปิด-ปิด :
จันทร์ – ศุกร์ 9.00 – 17.00 น. (ปิดวันพฤหัส ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์  9.30 – 17.30 น.
ที่จอดรถ : มี

 

แม่ลี้ของฝากเมืองจันท์

ขาก่อนกลับกรุงเทพฯ ขอฝากไว้อีกซักร้านที่ จ.จันทบุรี เป็นร้านที่เจ้าบ้านแนะนำว่าต้องแวะให้ได้ ถ้าอยากจะกินทุเรียนทอดแบบพรีเมียมไม่เหมือนที่อื่น หรือจะซื้อเป็นของฝากก็ได้ ถ้าใครได้ลองชิมแล้วต้องติดใจ แม่ลี้ของฝากเมืองจันท์ Take note ไว้เลยว่า มาที่นี่ต้องห้ามพลาดทุเรียนทอดเด็ดขาด เพราะของเค้าเด็ดจริง

ภาพจาก FB : แม่ลี้ Mae Lee Fruit Product

พิกัด แม่ลี้ของฝากเมืองจันท์ : https://goo.gl/maps/MtoaKhr4oi3KdmEt9
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 9.00-18.00 น.
ที่จอดรถ : มี (ริมถนนหน้าร้าน)

 

จบกันไปแล้วสำหรับทริปเกาะกูด 3 วัน 2 คืน เรียกได้ว่าให้คะแนนแบบ 10 10 10 สับสับสับกันเลย ทั้งในด้านการบริการของร้านอาหาร ผู้คนบนเกาะ สถานที่ และที่สำคัญได้ใช้เวลาสนุกๆ Enjoy กับเพื่อนๆ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่คงเก็บไว้เป็น Best memories ไปอีกนาน ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวเกาะกูดแล้วมีเรื่องเล่าอะไร มาแชร์ให้ SeeDoGo ฟังกันบ้างน้า

 

 

About Post Author